เดียวนี้มีจำนวนคนที่เริ่มหันมาเล่นโยคะกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเหตุผลด้านการบำบัดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน แพทย์และผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพมากเลือกที่จะแนะนำให้ฝึกโยคะเพื่อเสริมการดูแลทางการแพทย์แบบปกติ จากการสำรวจที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม ปี 2559 แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ฝึกโยคะในอเมริกาเพียงอย่างเดียวขณะนี้อยู่ที่ 36.7 ล้านคนเพิ่มขึ้นจาก 20.4 ล้านคน ในปี 2555 นี่ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงและเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เริ่มสนับสนุนโยคะว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ห่างไกลโรค
ปัจจุบันเริ่มมีบทวิจารณ์และการวิเคราะห์เมตามากขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เราเห็นว่ามันมีแนวโน้มที่การฝึกโยคะจะช่วยลดการบาดเจ็บ ภาวะซึมเศร้า มะเร็ง อาการปวดหลัง และโรคไขข้อให้ทุเลาลงอย่างมาก ดูเหมือนว่าช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ผู้คนเริ่มที่จะเปิดใจยอมรับโยคะมากขึ้น เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีประโยชน์อย่างมากกับมนุษย์อย่างเราไม่แพ้กับการออกกำลังกาย เพราะการทำโยคะก็เปรียบเสมือนเป็นการออกกำลังกายเช่นกัน
นักบำบัดโยคะคืออะไร
ถ้าคุณจะทำโยคะบำบัด สิ่งที่คุณควรมองหาคือ “นักโยคะบำบัด” พวกเขาไม่ใช่นักจิตอายุรเวท หรือ นักกายภาพบำบัด แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านโยคะ เป็นสาขาใหม่เพื่อตอบสนองต่อความนิยมและประสิทธิผลของโยคะเพื่อการบำบัด ในการเป็นครูสอนโยคะทั่วไปจะต้องผ่านการฝึกไม่ต่ำกว่า 200 ชั่วโมง แต่การจะเป็นนักบำบัดจะต้องใช้เวลาฝึกไม่ต่ำกว่า 1000 ชั่วโมง เท่านี้คุณน่าจะเห็นผลว่ามันต่างกันอย่างไร ส่วนใหญ่จะพวกเขาจะรักษาเป็นรายบุคคล หรือเฉพาะกลุ่มเล็กๆ ตัวอย่างเช่นกลุ่มคนที่มีความวิตกกังวล หรือ อาการซึมเศร้าอาจเลือกที่จะเรียนหลักสูตรแปดสัปดาห์ พร้อมกับครูที่ช่วยปรับการฝึกฝนให้เหมาะสำหรับพวกเขา
ประโยชน์ที่จะได้รับ
เช่นเดียวกับการทำจิตบำบัด หรือ กายภาพบำบัด เพราะว่าการบำบัดโยคะนั้นอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้ฝึกอย่างลึกซึ้ง การบำบัดด้วยโยคะไม่ได้ จำกัด อยู่แค่ในด้านจิตใจหรือร่างกาย แต่จะใช้รูปแบบโยคะแบบดั้งเดิมเพื่อดูคนว่าแต่ละคนแสดงออกมาอย่างไร ซึ่งมันจะบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้ฝึก
ไม่ว่าจะเป็น พละกำลัง, อารมณ์, สติปัญญาและจิตวิญญาณของพวกเขา สิ่งที่ผู้ฝึกจะได้รับมีมากมาย ซึ่งในระหว่างการฝึกจะได้เรียนรู้ในการจัดท่าทางที่เหมาะสม เรียนรู้ที่จะวิเคราะห์ลมหายใจของตัวเอง รู้จักที่จะปรับท่าทางทางกายภาพที่เลือกให้เข้ากับความต้องการของคุณ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น วิธีควบคุมการหายใจ, การทำสมาธิ, การฝึกผ่อนคลาย