หนึ่งในโรคยอดฮิตสำหรับหนุ่มสาววัยทำงานยุคนี้คงหนีไม่พ้นอาการออฟฟิศซินโดรม อาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณ คอ ไหล่ หลัง ข้อมือ แขน ขา ซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากอาการปวดเพียงเล็กน้อย แต่บอกเลยว่าอาการเหล่านี้ความจริงแล้วไม่เล็กน้อยเลย สำหรับใครที่ปวดหลังอยู่ก่อนจะเสียเงินไปหาหมอ เราขอแนะนำให้ลองมาเล่นท่าโยคะเหล่านี้สักหน่อย ทำวันละไม่กี่ครั้งรับรองว่าได้ผลดีจนคาดไม่ถึงทีเดียว
ท่าเข่าแนบอก
ท่าแรกเป็นท่านอน เราขอแนะนำว่าควรหาเสื่อสำหรับเล่นโยคะโดยเฉพาะมารองนอน จะทำให้ไม่บาดเจ็บมากขึ้นจากการลงน้ำหนัก ถ้ามีแล้วก็เริ่มจากนอนหงายแขนแนบลำตัว จากนั้นยกเข่าขวาขึ้นมา พยายามยกให้แนบชิดลำตัวให้มากที่สุด จากนั้นให้นำแขนทั้งสองข้างโอบรัดเอาไว้ดึงเข่าให้แนบอกให้ได้มากที่สุด จากนั้นเกร็งตัวค้างเอาไว้สัก 3-5 วินาทีแล้วคลายออก จากนั้นเปลี่ยนข้าง สังเกตดูระหว่างที่รัดเข่าหลังจะโดนตึงแนบกับเสื่อ
ท่างู
ยังอยู่ที่ท่านอน แต่คราวนี้ให้เปลี่ยนเป็นนอนคว่ำ ท่านี่ไม่ยากชื่อว่าท่างู วิธีการก็คือ ท่าเตรียมนอนคว่ำหน้าลง แขนทั้งสองข้างกางเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายนิ้วชี้เข้าหาหน้าตัวเอง เมื่อพร้อมแล้วให้ใช้แขนทั้งสองข้างดันตัวขึ้นมาจนสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ร่างกายจากโค้งงอ เงยหน้าขึ้นหายใจเข้าตอนขึ้นสุดค้างไว้สัก 5 วินาทีแล้วค่อยคลายตัวลงเพื่อกลับสู่ท่าเริ่มต้น (ระวังตอนกลับท่าเริ่มต้นอย่าลงเร็วเกินไปจะทำให้เกิดอันตรายได้)
ท่าตั๊กแตน
ท่าต่อไป อาจจะมองว่าไม่ยาก แต่พอทำจริงไม่ง่ายอย่างที่คิด เริ่มจากจัดท่าเริ่มต้นเหมือนตอนทำท่างู อาจจะไม่ต้องก้มหน้าก็ได้ หากหายใจไม่ออก พร้อมแล้วเริ่มด้วยการ ยกขาขวาขึ้นให้สูงเท่าที่จะทำได้ เข่าไม่งอ ขาตึง อวัยวะส่วนอื่นอยู่เหมือนเดิม จากนั้นค้างเอาไว้สัก 5-10 วินาที แล้วค่อยลดขาขวาลงมากลับสู่ท่าเริ่มต้น จากนั้นเปลี่ยนเป็นขาซ้าย เคล็ดลับก็คือ ขาตึงและต้องไม่ฝืนตัวเอง หากฝืนยกสูงเกินไปตอนลดระดับขาลงมาจะหมดแรงขาก่อนขากระแทกพื้นทำให้บาดเจ็บ
ท่าหัวชิดเข่า
ท่านี้เป็นการยืดเหยียดหลังที่จะตึงจนรู้สึกได้เลย ท่าหัวชิดเข่า เริ่มจากท่าเตรียมนั่งหลังตรงขาขวาเหยียดตรงไปด้านหน้า ขาซ้ายพับเข้าหาตัว จากนั้นเริ่มต้นยกแขนทั้งสองข้างให้ตึง มือทั้งสองข้างประสานไว้บนเหนือศีรษะ ค้างไว้เล็กน้อยจากนั้นค่อยๆ ลดระดับลงจนมือทั้งสองข้างจับปลายเท้าข้างขวา(ขาตึงไม่งอ) ค้างไว้ก่อนจะกลับคืนสู่ท่าเริ่มต้น ท่านี้ทำครั้งแรกการเอื้อมจับปลายเท้าเป็นเรื่องยากมาก แนะนำว่าควรทำถึงจุดที่เราไหวเท่านั้นแล้วค่อยเพิ่มระยะขึ้นไปจะทำให้ร่างกายไม่เจ็บด้วย